การให้ความสำคัญกับค่าที่วัดได้จากเซนเซอร์

กราฟในรูปมีความหมายในเชิงของระบบควบคุม และ IoT นะครับ กราฟ Psychrometric Chart บ่งบอกว่า เมื่อเราควบคุมอุณหภูมิ และความชื้น สองอย่างนี้สัมพันธ์กัน เช่นโรงเพาะเห็ด อยากให้อุณหภูมิลด โดยพ่นความชื้นเข้าไป ยังไงมันก็ไม่ลด ถ้าห้องควบคุมเกิดการอิ่มตัวของไอน้ำ เทคโนโลยี evap แบบน้ำจึงลดจากอุณหภูมิภายนอกโรงเรือน 3-5°C เท่านั้น การเพาะเห็ดช่วงเร่งราก เร่งดอกที่ต้องการความแตกต่างของอุณหภูมิมากกว่านี้ทำได้ยากหากใช้แค่น้ำ เพราะกฎของเทอร์โมไดนามิกส์จะต้องเปลี่ยนรูปแล้ว



แล้วจะใช้เซนเซอร์อุณหภูมิ ความชื้นตัวไหน จึงเป็นที่มาของกราฟที่สอง มีขายเยอะแยะ หลายเบอร์ตัวไหนที่ดี เสถียร ใช้งานแล้วไม่กังวล ค่าถูกต้อง ซื้อมา 10-20 ตัว ค่าเท่ากันหรือเปล่า ถ้าลองเอามาวางข้างๆ กัน แล้ววัดเทียบ

และกราฟที่สามความชื้นในดิน ทดสอบดินหลายๆ ชนิด พบว่า เซนเซอร์ส่วนใหญ่ตรวจจับได้ที่ค่าความชื้นในดินอ่านค่าเป็นความต้านทานที่ความชื้นต่ำกว่า 30% แต่.......ถ้าต่ำกว่า 30% วัดค่าได้ เห็นความแตกต่าง แต่มันเลยจุดเหี่ยวเฉาถาวรของพืชไปแล้ว หมายความว่ารดน้ำยังไงพืชก็ตาย แล้วจะวัดค่าหลังจาก 30% ไปเพื่ออะไร ดูต่อจากระดับน้ำซึมในดินรูปที่ 4 พืชดูดน้ำที่ความลึกไม่เยอะ เวลาใส่ปุ๋ย เราใส่เลยจุดที่พืชจะดูดซึมได้ ดินจึงมีสารละลายตกค้างเยอะมาก ไถกลบ จึงจะสามารถเอาปุ๋ยหรือสารละลายมาให้พืชใช้ได้อีก 






จึงควรวัดค่า EC หรือค่าความนำไฟฟ้าประกอบด้วย 

ยังไม่รวมเซนเซอร์ที่วัดสารละลาย pH N P K การวัดค่าแดดที่ทำไมมี CMP11 CMP3 ตัวล่ะเป็นแสน วัดค่าฝุ่น PM2.5 ตัวล่ะเป็นล้าน เพราะค่าที่ได้มันสำคัญ มันต้องเทียบเคียงกับมาตรฐาน เทียบกับคนอื่นเขาทั่วโลก 

และ energy meter ที่นำมาใช้งานทำไมถึงแพง เราไม่ทำใช้เอง เพราะแต่ล่ะตัวจะมีใบรับรองดังรูปที่ 5 มาในกล่องที่ขายนะครับ ใบนี้ห้ามหาย 555



การตรวจวัดค่าจึงควรรู้ว่า "ค่าที่ได้ถูกต้อง" เพื่อใช้งานได้จริง

Comments