ลงจากเครื่องบินเราก็พร้อมจะไปที่แรกของบ่ายนี้คือ..........
เจดีย์โบตาทาวน์
ได้บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป อายุกว่า 2,000 ปี โดยในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ นอกจากนี้ได้จารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์


นัตโบโบยี หรือ พระเทพทันใจ
วิธีการสักการะ นัตโบโบยี หรือ พระเทพทันใจ เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนา ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบจี 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึงกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นี้ท่านก็จะสมตามความปราถนาที่ตั้งใจไว้ (*โบโบยี เป็นคำกลางเรียก นัตผู้ชายที่เป็นที่เคารพนับถือ คล้ายกับคำว่า เจ้าพ่อ หรือเจ้าปู่ ที่คนไทยใช้เรียกอารักษ์แบบไทยๆ)




เทพกระซิบ หรือ “อะมาดอว์เมี๊ยะ”
และข้ามมาอีกฝั่งของถนน เพื่อมา สักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว การขอพรเทพกระซิบต้องเข้าไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้


และตกเย็น
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง [credit ผู้เขียนบทความ : https://goo.gl/bwT8hg ]
เป็นสถานที่ไหว้พระที่พม่า ขึ้นชื่อมากที่สุดตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยชื่อ “ชเว” หมายถึง ทอง “ดากอง” นั้นเป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง เป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น บนยอดสุดของพระเจดีย์ และมีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด เจดีย์มีความสูงถึง 326 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน มหาเจดีย์ชเวดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่เป็นน้ำหนักถึง 1100 กิโลกรัม
ชาวมอญและชาวพม่า ถือการกราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากอง จะนำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล บริเวณโดยรอบจะมีการนั่งทำสมาธิ เดินประทักษัณรอบองค์เจดีย์ เป็นต้น ผู้ที่เข้ามานมัสการ หรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้งเมื่อมาถึงทางเข้า ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ขึ้นอยู่กับดวงวันเกิดของผู้เข้าที่จะดูตาม 12 นักษัตรรอบๆ


ลานอธิฐาน
จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ซึ่งเราสามารถนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตัวเอง จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต




วิวมองจาก Sky Terrace Pub ในตัวเมืองย่างกุ้ง เห็นเจดีย์อยูไกลๆ


พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ
เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว โดยเฉพาะรวมไปถึงพระจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ แต่เราไปองค์พระกำลังบูรณะอยู่นะครับ [22/09/2018]

พระพุทธไสยาสน์ชเวตาลยอง หรือ พระนอนชเวตาลยอง
(พม่า: ရွှေသာလျှောင်းဘုရား [ʃwèθàljáʊɴ pʰəjá]; ชื่อเต็ม ရွှေသာလျောင်းရုပ်ပွားတော်ကြီး) เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ทางทิศตะวันตกของเมืองหงสาวดี องค์พระมีความยาว 55 เมตร (180 ฟุต) สูง 16 เมตร (52 ฟุต) เป็นพุทธศิลป์แบบมอญ เชื่อว่าได้รับการสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1537 ช่วงสมัยมอญเรืองอำนาจ ในรัชสมัยของกษัตริย์เมกะติปะ ร่วมสมัยเดียวกับปราสาทบันทายศรีของกัมพูชา และหายไปในปี พ.ศ. 2300 เมื่อหงสาวดีถูกตีแตกโดยพระเจ้าอลองพญา
ในช่วงการปกครองอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2423 ระหว่างการสร้างทางรถไฟ พระพุทธรูปได้ถูกค้นพบภายใต้การปกคลุมของป่ารกชัฏ การบูรณะเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2424 ทางการพม่าได้สร้างโรงเรือนคลุมไว้ แต่สภาพโรงเรือนค่อนข้างจะคับแคบ แลดูไม่สวยงาม เพราะคลุมเหนือองค์พระไว้เพียงนิดเดียว ทั้งนี้เป็นเพราะการสร้างโรงเรือนคลุมไว้ทีหลัง เช่นเดียวกับพระพุทธไสยาสน์แห่งวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารในไทย และมีการสร้างหมอนโมเสกของพระพุทธรูปในปี พ.ศ. 2473[1][2][3]
จุดเด่นของพระนอนองค์นี้คือ บริเวณพระบาทไม่วางเสมอกันเหมือนอย่างพระพุทธรูปปางไสยาสน์ของไทย อันมีความหมายว่า ในขณะนั้นพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ ซึ่งเป็นอากัปกิริยาก่อนที่พระองค์จะเสด็จสู่ปรินิพพานในวันถัดมา
ปัจจุบัน พระพุทธไสยาสน์ชเวตาลยองเป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของเมืองหงสาวดี เป็นเสมือนสัญลักษณ์ประจำเมืองอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับเจดีย์ชเวมอดอ












พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ (Shwemawdaw Paya) เมืองหงสาวดี
คนไทยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า “จมูกร้อน” ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด ทั้งนี้เนื่องจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอนั้นเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า (พระเจดีย์สูง 114 เมตร สูงกว่า พระเจดีย์ชเวดากอง 14 เมตร) และเป็นหนึ่งในเจดีย์โบราณที่เก่าแก่มีอายุกว่า 2,600 ปี มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตร
เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค (หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน
เมื่อเรามีโอกาสได้ไปสักการะ เวลาขอพรให้เอามือและหน้าผากไปแตะที่พระธาตุองค์เดิมที่หัก แล้วอธิษฐาน หลายคนมักจะประสบผลสำเร็จ หรือ นมัสการ ยอดเจดีย์หัก ซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคลซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรือง
ในประเทศไทย มีเจดีย์จำลองของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ ที่วัดชมภูเวก และที่วัดปรมัยยิกาวาส บนเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นชุมชนของชาวไทยเชื้อสายมอญ







เจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) หรือ พระสี่ทิศ เมืองหงสาวดี
มีอายุกว่า 500 ปี เป็นวัดที่สร้างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ไปยัง 4 ทิศ แทนความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ มีตำนานเล่าว่า พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมาน้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ
จากนั้นมีบูรณะ วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2019 พระเจดีย็นี้มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ อันได้แก่
สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
พระ พุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้
พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
พระ พุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก
ทางเข้าก็จะขายของนะครับ ไกด์ของเราก็จะบอกให้ซื้อของจากที่นี่ เพราะราคาจะถูกกว่าที่แวะอื่นๆ











พระธาตุอินทร์แขวน (Golden Rock) หรือ ไจก์ทิโย Kyaiktiyo Pagoda
เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นิยมมาไหว้พระขอพรที่พม่า ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี พระธาตุอินทร์แขวนตั้งอยู่ที่เมืองไจก์โถ่ (Kyaikto) อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า เชื่อกันว่าใครที่มามนัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้กุศลเทียบเท่ากับการนมัสการเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์
บนยอดเขาพวงลวง เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต
โดยเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มา นมัสการพระธาตุอินทร์แขวน นี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ ท่านสามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็สามารถทำได้โดย ครั้งที่ 1 ไปถึงก่อนพระอาทิตย์ตก, ครั้งที่ 2 ตอนค่ำ และครั้งที่ 3 ช่วงเช้าประมาณตี 5 เพื่อถวายข้าวพระพุทธ ซึ่งมีจำหน่ายบริเวณวัด

บริเวณที่แขวนกระดิ่ง (แต่ใหญ่ประมาณระฆังเล็ก) สำหรับผู้หญิง หรือฝากผู้ชายไปแขวนใกล้ๆ กับพระธาตุ ก็ได้



โรงแรมที่พัก Mountain Top [credit : https://goo.gl/BPnwP6 ]
โรงแรมอยู่บนเขา สามารถเดินไปไหว้พระธาตุอินแขวนได้ภายใน10นาที บรรยากาศโรงแรมดีมาก อบอุ่น สบายๆเหมือนอยู่บ้าน ห้องพักอยู่ลึกลงไปชั้นล่างอาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นสักเท่าไหร่ ห้องสะอาด ไม่มีแอร์ แต่ก็ดีแล้วเนื่องจากอากาศเย็นสบายอยู่แล้ว เตียงนอนสะอาดดี ห้องอาหาร อาหารอร่อย พนักงานพร้อมให้การบริการอย่างเป็นกันเองและเอาใจใส่ มีพนักงานพูดไทยได้ด้วยนะ วายฟายต้องใช้ที่ล็อบบี้และห้องอาหารเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะพอเข้าห้องนอน บรรยากาศก็น่านอนมาก ทีวีจอแบนมีช่องไทยด้วยนะ
ตำหนัก บุเรงนอง
พระเจ้าบุเรงนอง หรือพระนามเต็มว่า พระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา Bayinnaung Kyawhtin Nawrahta, ท่านประสูติเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2059 และสวรรคต เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2124 (มีอายุเพียง 65 ปี) เป็นพระมหากษัตริย์พม่าจากราชวงศ์ตองอู ทรงเสวยราชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2094 ถึงปี พ.ศ. 2124 (อยู่ในราชสมบัติ 30 ปี)
อาณาจักรของพระองค์ในสมัยนั้น เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอาณาเขตแผ่ไปถึงอาณาจักรล้านนา อาณาจักรล้านช้าง รัฐมณีปุระ และอาณาจักรอยุธยา
พระองค์ถือเป็นหนึ่งในสามมหาราชพม่า คือพระเจ้าอโนรธามังช่อ แห่งราชวงศ์พุกาม และพระเจ้าอลองพญา แห่งราชวงศ์คองบอง ดังนั้นสถานที่หลายแห่งในพม่าปัจจุบันจึงตั้งชื่อตามพระนามพระมหากษัตริย์เหล่านี้อีกด้วย
พระเจ้าบุเรงนองนี้เป็นผู้สร้างเมืองหงสาวดีหลังจากที่ยึดได้จากพระมหากษัตริย์องค์ก่อน พระองค์ได้สร้างให้เมืองหงสาวดีเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนอง ขึ้นใน ปี พ.ศ. 2109 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครอง และใช้ออกว่าราชการที่พระราชวังนี้ด้วย
[credit: https://goo.gl/pGttQm ]
เป็นสถานที่ไหว้พระที่พม่า ขึ้นชื่อมากที่สุดตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยชื่อ “ชเว” หมายถึง ทอง “ดากอง” นั้นเป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง เป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น บนยอดสุดของพระเจดีย์ และมีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด เจดีย์มีความสูงถึง 326 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน มหาเจดีย์ชเวดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่เป็นน้ำหนักถึง 1100 กิโลกรัม
ชาวมอญและชาวพม่า ถือการกราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากอง จะนำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล บริเวณโดยรอบจะมีการนั่งทำสมาธิ เดินประทักษัณรอบองค์เจดีย์ เป็นต้น ผู้ที่เข้ามานมัสการ หรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้งเมื่อมาถึงทางเข้า ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ขึ้นอยู่กับดวงวันเกิดของผู้เข้าที่จะดูตาม 12 นักษัตรรอบๆ


ลานอธิฐาน
จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ซึ่งเราสามารถนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตัวเอง จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต




วิวมองจาก Sky Terrace Pub ในตัวเมืองย่างกุ้ง เห็นเจดีย์อยูไกลๆ


พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ
เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว โดยเฉพาะรวมไปถึงพระจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ แต่เราไปองค์พระกำลังบูรณะอยู่นะครับ [22/09/2018]

พระพุทธไสยาสน์ชเวตาลยอง หรือ พระนอนชเวตาลยอง
(พม่า: ရွှေသာလျှောင်းဘုရား [ʃwèθàljáʊɴ pʰəjá]; ชื่อเต็ม ရွှေသာလျောင်းရုပ်ပွားတော်ကြီး) เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ทางทิศตะวันตกของเมืองหงสาวดี องค์พระมีความยาว 55 เมตร (180 ฟุต) สูง 16 เมตร (52 ฟุต) เป็นพุทธศิลป์แบบมอญ เชื่อว่าได้รับการสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1537 ช่วงสมัยมอญเรืองอำนาจ ในรัชสมัยของกษัตริย์เมกะติปะ ร่วมสมัยเดียวกับปราสาทบันทายศรีของกัมพูชา และหายไปในปี พ.ศ. 2300 เมื่อหงสาวดีถูกตีแตกโดยพระเจ้าอลองพญา
ในช่วงการปกครองอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2423 ระหว่างการสร้างทางรถไฟ พระพุทธรูปได้ถูกค้นพบภายใต้การปกคลุมของป่ารกชัฏ การบูรณะเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2424 ทางการพม่าได้สร้างโรงเรือนคลุมไว้ แต่สภาพโรงเรือนค่อนข้างจะคับแคบ แลดูไม่สวยงาม เพราะคลุมเหนือองค์พระไว้เพียงนิดเดียว ทั้งนี้เป็นเพราะการสร้างโรงเรือนคลุมไว้ทีหลัง เช่นเดียวกับพระพุทธไสยาสน์แห่งวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารในไทย และมีการสร้างหมอนโมเสกของพระพุทธรูปในปี พ.ศ. 2473[1][2][3]
จุดเด่นของพระนอนองค์นี้คือ บริเวณพระบาทไม่วางเสมอกันเหมือนอย่างพระพุทธรูปปางไสยาสน์ของไทย อันมีความหมายว่า ในขณะนั้นพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ ซึ่งเป็นอากัปกิริยาก่อนที่พระองค์จะเสด็จสู่ปรินิพพานในวันถัดมา
ปัจจุบัน พระพุทธไสยาสน์ชเวตาลยองเป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของเมืองหงสาวดี เป็นเสมือนสัญลักษณ์ประจำเมืองอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับเจดีย์ชเวมอดอ












พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ (Shwemawdaw Paya) เมืองหงสาวดี
คนไทยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า “จมูกร้อน” ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด ทั้งนี้เนื่องจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอนั้นเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า (พระเจดีย์สูง 114 เมตร สูงกว่า พระเจดีย์ชเวดากอง 14 เมตร) และเป็นหนึ่งในเจดีย์โบราณที่เก่าแก่มีอายุกว่า 2,600 ปี มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตร
เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค (หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน
เมื่อเรามีโอกาสได้ไปสักการะ เวลาขอพรให้เอามือและหน้าผากไปแตะที่พระธาตุองค์เดิมที่หัก แล้วอธิษฐาน หลายคนมักจะประสบผลสำเร็จ หรือ นมัสการ ยอดเจดีย์หัก ซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคลซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรือง
ในประเทศไทย มีเจดีย์จำลองของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ ที่วัดชมภูเวก และที่วัดปรมัยยิกาวาส บนเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นชุมชนของชาวไทยเชื้อสายมอญ







มีอายุกว่า 500 ปี เป็นวัดที่สร้างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ไปยัง 4 ทิศ แทนความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ มีตำนานเล่าว่า พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมาน้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ
จากนั้นมีบูรณะ วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2019 พระเจดีย็นี้มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ อันได้แก่
สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
พระ พุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้
พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
พระ พุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก
ทางเข้าก็จะขายของนะครับ ไกด์ของเราก็จะบอกให้ซื้อของจากที่นี่ เพราะราคาจะถูกกว่าที่แวะอื่นๆ











พระธาตุอินทร์แขวน (Golden Rock) หรือ ไจก์ทิโย Kyaiktiyo Pagoda
เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นิยมมาไหว้พระขอพรที่พม่า ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี พระธาตุอินทร์แขวนตั้งอยู่ที่เมืองไจก์โถ่ (Kyaikto) อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า เชื่อกันว่าใครที่มามนัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้กุศลเทียบเท่ากับการนมัสการเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์
บนยอดเขาพวงลวง เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต
โดยเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มา นมัสการพระธาตุอินทร์แขวน นี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ ท่านสามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็สามารถทำได้โดย ครั้งที่ 1 ไปถึงก่อนพระอาทิตย์ตก, ครั้งที่ 2 ตอนค่ำ และครั้งที่ 3 ช่วงเช้าประมาณตี 5 เพื่อถวายข้าวพระพุทธ ซึ่งมีจำหน่ายบริเวณวัด

บริเวณที่แขวนกระดิ่ง (แต่ใหญ่ประมาณระฆังเล็ก) สำหรับผู้หญิง หรือฝากผู้ชายไปแขวนใกล้ๆ กับพระธาตุ ก็ได้



โรงแรมที่พัก Mountain Top [credit : https://goo.gl/BPnwP6 ]
โรงแรมอยู่บนเขา สามารถเดินไปไหว้พระธาตุอินแขวนได้ภายใน10นาที บรรยากาศโรงแรมดีมาก อบอุ่น สบายๆเหมือนอยู่บ้าน ห้องพักอยู่ลึกลงไปชั้นล่างอาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นสักเท่าไหร่ ห้องสะอาด ไม่มีแอร์ แต่ก็ดีแล้วเนื่องจากอากาศเย็นสบายอยู่แล้ว เตียงนอนสะอาดดี ห้องอาหาร อาหารอร่อย พนักงานพร้อมให้การบริการอย่างเป็นกันเองและเอาใจใส่ มีพนักงานพูดไทยได้ด้วยนะ วายฟายต้องใช้ที่ล็อบบี้และห้องอาหารเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะพอเข้าห้องนอน บรรยากาศก็น่านอนมาก ทีวีจอแบนมีช่องไทยด้วยนะ
ตำหนัก บุเรงนอง
พระเจ้าบุเรงนอง หรือพระนามเต็มว่า พระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา Bayinnaung Kyawhtin Nawrahta, ท่านประสูติเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2059 และสวรรคต เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2124 (มีอายุเพียง 65 ปี) เป็นพระมหากษัตริย์พม่าจากราชวงศ์ตองอู ทรงเสวยราชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2094 ถึงปี พ.ศ. 2124 (อยู่ในราชสมบัติ 30 ปี)
อาณาจักรของพระองค์ในสมัยนั้น เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอาณาเขตแผ่ไปถึงอาณาจักรล้านนา อาณาจักรล้านช้าง รัฐมณีปุระ และอาณาจักรอยุธยา
พระองค์ถือเป็นหนึ่งในสามมหาราชพม่า คือพระเจ้าอโนรธามังช่อ แห่งราชวงศ์พุกาม และพระเจ้าอลองพญา แห่งราชวงศ์คองบอง ดังนั้นสถานที่หลายแห่งในพม่าปัจจุบันจึงตั้งชื่อตามพระนามพระมหากษัตริย์เหล่านี้อีกด้วย
พระเจ้าบุเรงนองนี้เป็นผู้สร้างเมืองหงสาวดีหลังจากที่ยึดได้จากพระมหากษัตริย์องค์ก่อน พระองค์ได้สร้างให้เมืองหงสาวดีเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนอง ขึ้นใน ปี พ.ศ. 2109 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครอง และใช้ออกว่าราชการที่พระราชวังนี้ด้วย
[credit: https://goo.gl/pGttQm ]
Comments